กอร์ดอน เทย์เลอร์ ซีอีโอสโมสรนักฟุตบอลอาชีพเมืองผู้ดี หรือ พีเอฟเอ แสดงความเห็นว่าการบอกให้โมฆะฤดูกาล 2019/2020 เกิดเรื่องที่ไม่ยุติธรรม โดยยิ่งไปกว่านั้นกับ หงส์แดง ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และก็มีแต้มทิ้งห่างคู่ต่อสู้แบบมองไม่เห็นฝุ่นละออง
กอร์ดอน เทย์เลอร์ ประธานบริหารชมรมนักเตะอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) เปิดเผยว่าแม้มีการตกลงใจโมฆะเกมพรีเมียร์ลีกในช่วงฤดูกาลนี้ นับได้ว่าเป็นเรื่องไม่แฟร์สำหรับ "ลิเวอร์พูล" หงส์แดง เพราะว่าพวกเขาทำคะแนนทิ้งห่างคู่ปรปักษ์ไปไกลสุดกู่ถึง 25 คะแนน
จากการสัมมนารีบด่วนในตอนอาทิตย์นี้กระดานบริหารได้เสวนากันว่าฤดูนี้จะได้ผลสรุปแบบไหน ภายหลังที่แวดวงลูกหนังเมืองผู้ดีจำเป็นต้องเจอปัญหาใหญ่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสวัวโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือชื่ออย่างเป็นทางการ "วัววิด-19" ในตอนนี้
สำหรับมาตรการช่วงต้นก็คือการห้ามโปรแกรมทุกๆดิวิชั่นไปจนถึงวันที่ 3 ม.ย.เป็นขั้นต่ำ แต่ว่ามีความน่าจะเป็นไปได้ว่าบางครั้งอาจจะเลื่อนโปรแกรมไปยาวนานกว่านั้น โดยศูนย์ข่าวระดับค่อนข้างสูงจากสมาพันธ์ในพรีเมียร์ลีก เปิดเผยกับ สกายสปอร์ต สื่อดังในเมืองผู้ดีเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาว่า ตนมั่นใจว่าได้โอกาส 75 เปอร์เซ็นต์ที่ฤดูนี้จะแข่งขันไม่จบ ผลบอลสดพร้อมราคา
ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้มีแนวความคิดออกมาสองฝั่งว่าควรจะโมฆะฤดูนี้ไปเลย ในขณะอีกฝั่งบอกชูแชมป์ให้ "เดอะ เร้ดส์" เพราะว่าทำแต้มทิ้งห่างคู่แข่งขันแบบมองไม่เห็นฝุ่นละออง ปัจจุบัน เทย์เลอร์ แสดงความเห็นว่าการยกเลิกฤดูกาล 2019/2020 นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่แฟร์
"ผมมีความคิดว่ามันไม่แฟร์ อย่างต่ำก็กับหงส์แดง แต่ว่าทุกชมรมที่ทำผลงานเจริญ พวกเขาโดนกล่าวอ้างว่า -โอ้วว คุณเป็นไปไม่ได้ทราบหรอกว่าคุณจะครองแชมป์หรือเปล่า- นี่เป็นการลดคุณค่าของผลงานที่ทำมา รวมทั้งผมมีความคิดว่าสมาพันธ์พวกนี้ทำเป็นก็ดี รวมทั้งการได้ขึ้นไปอยู่บนหัวตารางลีกก็เนื่องจากพวกเขาเหมาะได้อยู่ในจุดนั้น"
"ส่วนกลุ่มต่างๆที่อยู่ด้านหลังตารางก็ควรได้รับจังหวะที่กำลังจะได้ดิ้นรนจากการตกชั้น เพราะเหตุว่าพวกเราไม่มีวันทราบว่าการประลองมันจะออกมาคืออะไรถ้าเกิดมันยังไม่เริ่มต้นใหม่ ด้วยเหตุนั้นผมมีความคิดว่าพวกเราน่าจะทำทุกๆอย่างให้สุดกำลังเท่าที่พวกเราสามารถทำเป็น ผมรู้สึกว่ามันอาจจะเกิดเรื่องน่าแปลกถ้าเกิดพวกเราเริ่มฤดูกาลใหม่ ถึงแม้ว่าฤดูนี้ยังไม่จบ ผมเห็นว่ามันไม่ค่อยดีเลย" เทย์เลอร์ กำหนด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น